เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๖ ก.พ. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราอึดอัดมานาน แล้วพอมีคนมาเยอะๆ พูดทีเดียว พูดทีเดียวด้วยนะ วัดไม่ใช่บ้านนะ บ้าน โรงแรม เป็นบ้าน โรงแรม วัดเป็นวัด ถ้ามาวัดนี่เราสร้างวัดกันทำไม เราสร้างวัดเพื่อจะถือศีลภาวนา การถือศีล การภาวนา นี่มันต้องมีหลักมีเกณฑ์นะ ถ้าไม่มีหลักมีเกณฑ์นะ ดูสิ ใช้ธรรมะเป็นชีวิตประจำวัน ชีวิตประจำวันมันเป็นชีวิตเกิดตายนะ แล้วธรรมะจะไปใช้อะไรกับชีวิตประจำวัน ธรรมะมันใช้กับหัวใจนะ ธรรมะมันเข้าที่หัวใจ ชีวิตประจำวันการอยู่การกินมันก็เรื่องธรรมชาติทั้งนั้นนะ ฉะนั้นวัดมันไม่เหมือนบ้าน

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในครัวนี่ห้ามเอาของเข้ามาทุกอย่าง ใครจะเอาของเข้ามาต้องได้รับอนุญาตจากเราก่อน ไม่ได้เด็ดขาด หัวอยู่ที่นี่ ทำไมต้องมาเหยียบด้วย หัวมันอยู่บนบ่ากูนี่ ใครเหยียบไม่ได้ แล้วไม่ยื่นหัวไปให้ใครเหยียบ ของที่มันจะมีจะเป็นเรารักษาให้ ดูแลให้ เราหาให้ครบ แล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป กับข้าวทำวันละ ๒ อย่างเท่านั้น ห้ามเกินกว่านี้ ให้ทำแค่ ๒ อย่างพอ ห้ามเกินกว่า ๒ อย่างไป แล้วรวบรวมมาให้เป็นได้ขนาดนั้น แล้วของที่เอามาแล้วนะที่เราไม่รับอนุญาต เราไม่รู้ ให้คืนหมด ต้องคืนหมดนะ

แล้วใครจะเข้ามาต้องขออนุญาตจากเราก่อน เพราะวัดมันไม่ใช่บ้าน เราจะเอาแต่ความสะดวกสบายอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ออกไป! แล้วมาทำไมกัน เรามาภาวนาใช่ไหม เราจะมานี่เป็นหลักนะ ไอ้เรื่องนี้มันเครื่องอาศัย ของอาศัยนี่ไม่ใช่ของจริง ของจริงมันอยู่ที่หัวใจเราใช่ไหม วัดไม่ใช่บ้าน คำว่าวัดไม่ใช่บ้าน เราสร้างวัดกันทำไม แล้วเราก็บอกหมาขี้เรื้อนทั้งนั้นนะ ทั่วๆ น่ะไปหมาขี้เรื้อน แล้วเราก็เป็นหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง คันไม่มีวันที่จะเกา ออกไปหาให้เขา ต้องให้เขาเหยียบเขาย่ำตลอดเวลาไม่ได้

เรามีจุดยืนของเรา หัวใจของเราถ้ามันสมบูรณ์อยู่แล้ว อยู่ที่ไหนมันก็อยู่ได้ อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ แล้วมันอยู่ด้วยความสบายใจนะ อย่าเอาโลกมาเป็นใหญ่ไง ใครมาก็สงสารทั้งนั้นนะ ดูสิ อัตตกิลมถานุโยค พระปฏิบัตินี่มันน่าสงสารมาก ทุกข์ยากมาก ใครๆ ก็อยากจะมาอุปัฏฐากอุปถัมภ์ แล้วก็ทำให้พระอ่อนแอไปหมดเลย พระอยู่กันไม่ได้เพราะโลกนี่แหละ โลกเห็นพระน่าสงสารๆ ก็เขาประพฤติปฏิบัติธรรมของเขานะ เขาอดนอนผ่อนอาหารของเขาก็เพื่อจิตใจของเขา ไม่ต้องมาสงสารหรอก สงสารตัวเองซะ อยู่บ้านสงสารในครัวที่บ้าน หาอยู่หากินให้สุขสบายซะ

เรื่องของวัดให้เป็นเรื่องของวัดไป ถ้ามันจะอดตายให้มันตายไป ไม่ให้เอาอะไรเข้ามาทั้งสิ้นเลย จะเอาอะไรเข้ามาต้องขออนุญาตเราทั้งนั้นนะ หัวอยู่บนบ่า อย่ามาเหยียบย่ำ เราอ่อนไป โทรศัพท์ไม่ได้นะ จำไว้เลยโทรศัพท์นี่ โทรศัพท์ออดอ้อนมาทั่วประเทศไทย ใครก็สงสารๆ เอาอันโน้นมาให้ เอานี้มาให้ เอามาให้ทำไม เราดูแลของเราได้ เสือไม่ใช่หมา ไม่กระดิกหาง ไม่เลียใคร หาอยู่หากินเอง เสือโว้ย! ไม่ใช่หมา อึดอัดเต็มทีเลย อึดอัดมาก

เราเป็นผู้ใหญ่ แล้วให้เด็กๆ มาเป็นผู้ชี้นำ เด็กๆ มา เด็กๆ มันทำอะไรของมันเป็น จิตใจของโลกนะมันมีกิเลสเต็มหัวใจทั้งนั้นนะ แล้วเต็มหัวใจขึ้นมานี่มันจะเอาอะไรมาสอนเรา คนโง่นะจะกี่คนก็แล้วแต่ถ้าจะมาพูดอะไร มาสั่งสอน ไม่มีความหมายนะ ไม่มีความหมายเลย ไม่ต้องมาเป็นครูอาจารย์ ไม่ต้อง เรามีพระพุทธเจ้าเป็นอาจารย์อยู่แล้ว เรามีพระธรรมวินัยเป็นอาจารย์อยู่แล้ว จะไม่ต้องมีใครมาสอนเลย ไม่ต้องมาออดอ้อน ไม่ต้องมาดูแล ไม่ต้องมาออเซาะ เราทำของเราได้ เราหาของเราได้ ถ้าไม่มีให้มันตายไป

นี่ถ้าอย่างนี้มันก็เป็นหลักเป็นเกณฑ์ขึ้นมา หัวใจมันก็เข็มแข็งขึ้นมา อ่อนแอกันมาก อ่อนแอกันมาก แล้วก็ให้เขามาอุปัฏฐากอุปถัมภ์ ให้เขามาดูแลกัน ลูบหน้าลูบหลัง กลายเป็นคลานเดินไม่ได้เลยนะ ต้องกระเถิบไป ไม่มีใครมีจุดยืนขึ้นมาได้สักคนหนึ่ง แล้วมันจุดยืนขึ้นมาจากไหน ไอ้เรื่องอย่างนั้นนะ ใช่ เขามามอง เขามองในสายตาของเขา แล้วสายตาของเขากับสายตาของเรามันคนละสายตาล่ะ หัวใจมันก็คนละหัวใจ

วัดมันก็เป็นวัด มันก็ไม่ใช่บ้าน นี่มันอ่อนแอมาตั้งแต่สาขา นี่ส่งของไปๆ ส่งของไปไปนอนไปกินกันเป็นหมูเลย เป็นหมูก็เห็นใจอยู่เพราะอะไร เพราะพระเด็กๆ ใช่ไหม ไม่มีเด็กขึ้นมามันก็มีผู้ใหญ่ขึ้นมาไม่ได้ ไม่มีนักกีฬาฝึกหัดขึ้นมาเลย มันจะมีนักกีฬาที่เข้มแข็งขึ้นมาได้อย่างไร ก็ให้ออกไปฝึกหัดกัน พอฝึกหัดกันก็ให้บริหารจัดการกัน เพื่อจะฝึกให้คนเป็นใหญ่ขึ้นมา

นี่การฝึกคนการจะสอนคนขึ้นมา มันก็ต้องมีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมา มันต้องมีธรรมวินัยให้เขาพัฒนาขึ้นมา ก็ดูแลบริหารจัดการกันไป แล้วกิเลสกับกิเลสมันก็ไปฟันกัน ฟันกันมันก็เป็นเรื่องธรรมชาตินะ คนเกิดมามีกิเลสทั้งนั้นนะ คนเกิดเกิดจากกิเลส เกิดมาจากกิเลสเราก็ดูแลรักษา ดูแลรักษาจากข้างนอกย้อนเข้ามา กลับมากินตัวมันเองไง กลับมากิน กลับเข้ามาในครัวเรา กลับมาทำลายเราจากฐานเลย แล้วมันทำลายจากหัวใจแล้วนะ ตีให้มันพังก่อน พังออกมาจากภายใน พังออกมาจากศูนย์ใหญ่นี่แหละ

ที่นี่เราดูแลของเราอยู่ ออกไป เอ้า ที่นี่ก็ทำนะ นี่ออกไปข้างนอกก็ไปอยู่กันอย่างนั้นนะ ที่เราดูแลกันไปเพราะจะให้เขาอยู่ของเขาได้ ถ้าอยู่ได้เราก็ดูแล มีอะไรเราก็ขนไปให้ เขาอยู่ของเขาเพราะอะไร เพราะมันเป็นเด็กๆ ให้มันอุ่นใจ อุ่นใจนะ เรานี่เช้าขึ้นมามีอาหารรองท้อง มีความเป็นอยู่ได้ เรื่องภาวนามันก็สบายใจ ถ้าไม่มีอะไรขึ้นมา พรุ่งนี้เช้าจะเป็นอย่างไร มันวิตกวิจารนะ มันเกิดวิตกวิจารขึ้นมา มันก็เป็นสังขารปรุงแต่ง มันก็บ้าสังขาร สังขารก็หลอก มันก็สร้างภาพขึ้นไป โอดโอยกันขึ้นไปทุกวัน น้ำหยดลงหินหินมันยังกร่อนเลย ความคิดทุกวันๆ มันก็อ่อนแอ พอมันอ่อนแอขึ้นมามันก็กินตัวมันเอง พอกินตัวมันเองมันก็สร้อยเศร้าหงอยเหงา โอย เราไม่มีวาสนา เราทำเองไม่ได้ เราก็โอบอุ้มไว้ เราดูแลไว้

แต่ของเราเราเป็นหัวหน้า จะบอกที่นั่นทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไมที่นี่เป็นอย่างนั้น ก็หมาขี้เรื้อนนะ กูไม่ใช่หมา ก็มันหมาขี้เรื้อนจะเอามาเป็นแบบอย่างทำไม ทำไมไม่เอาครูบาอาจารย์เป็นแบบอย่างล่ะ ทำไมไม่เอาสิ่งที่ดีงามไปเป็นแบบอย่างล่ะ แบบอย่างก็เป็นเรื่องของมันเลยนะ เรื่องของมันเลยล่ะ ฉะนั้นของในครัวที่เอาเข้ามา เอาออกหมดเลย แล้วใครเอาเข้ามาไม่ได้ ต่อไปนี้ใครจะเอาเข้ามาต้องขออนุญาตเราก่อน ถ้ามันขาดเหลือเราหาซื้อเองเป็น เราทำของเราได้หมด

มันไปไม่มีที่สิ้นสุด แล้วมันไปสภาวะแบบนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเลยนะ อาหารแค่ ๒ อย่างพอ เหลือ ๒ อย่างเท่านั้น อึดอัดมาก กินได้ ข้าวเปล่ายังกินมาแล้วโว้ย! ไม่มีข้าวจะกินกูก็อยู่ของกูมาได้ แล้วก็ถ่วงกันไปอย่างนี้ ถ่วงกันไปอย่างนี้ ใครมาก็สงสาร ใครมาก็สงสาร แล้วมันสงสาร แล้วเราไปอ่อนแอไปกับเขา แล้วศาสนามันอยู่ที่ไหนล่ะ โลกเป็นใหญ่เหรอ เขาเป็นอาจารย์เหรอ ต้องไปกราบเขาเหรอ เขาจะสงสารขนาดไหน ใช่ เทคโนโลยีมันออกใหม่ ต่อไปไม่ต้องออกจากกุฏินะ กดปุ่มกันหมดนะ อาหารไหลมาเป็นสายพานเลย แล้วก็นอนกินแม่งบนที่นอนอิ่มหนำสำราญ แล้วพระอรหันต์จะเกิดตรงนั้นนะ

มันจะทุกข์จะอยากก็ยอมรับว่ามันทุกข์อยาก ทุกข์เพื่อชำระกิเลส ไม่ใช่ทุกข์ในโลก โลกเขาทุกข์กันอยู่อย่างนั้นนะ นี่เราจะออกจากกิเลสนะ ออกจากกิเลสมันก็ต้องฝืนมันสิ ฝืนตัวเอง ทุกข์ยากนี่แหละฝืนกิเลส เพราะกิเลสมันอยากจะสุขสบายทั้งนั้นนะ กิเลสตัวไหนที่มันอยากจะขัดเกลามัน ธุดงควัตรนี้คืออะไร คือขัดเกลากิเลสนะ มันขัดเกลาไง เพราะมันไม่ได้ดั่งใจมันทั้งนั้นนะ เราคิดอะไรแล้วไม่เคยดั่งใจมัน นั่นล่ะขัดกับกิเลส ต่อสู้กับกิเลสตลอดไป แล้วเรามีการต่อสู้กับกิเลส แล้วคนมาทำลายตรงวิธีการจะให้เราสะดวกสบาย มันจะโอบอุ้มไปไหนกัน โอบอุ้มไปเป็นหนอนนะ ไปเป็นหนอนอยู่ในมูตรในคูถนั่นนะ

นี่มันเห็นนะ มันอื้อฮือ! อื้อฮือ! มันแทงใจมาก เพราะตั้งแต่อยู่ที่ข้างในมาแล้ว ข้างในก็บอกห้ามเด็ดขาด ห้ามเด็ดขาด ห้ามเด็ดขาดมันฟังเราไง ไอ้นี่ห้ามเด็ดขาด ห้ามแต่ปาก แล้วมันมาได้อย่างไร ของมันเข้ามาได้อย่างไร ถ้ามันเชื่อฟังกันมันจะเข้ามาไม่ได้หรอก มีอะไรก็ต้องถามหัวหน้าก่อน หัวหน้านั่งอยู่นี่ หัวกูอยู่บนบ่านี่ เหยียบไปเหยียบมานี่ ของอยู่แค่ปลายจมูกนี่กูยังบริหารจัดการไม่ได้เลย แล้วแม่งอยู่ตั้งรอบโลกกูจะไปบริหารมันได้อย่างไร

นี่ไง เวลาปฏิบัติ อริยสัจอยู่ที่ไหน? อริยสัจอยู่ที่ใจ ถ้าใจมันแก้ไขใจมันได้ ใจมันจบที่นี่ แล้วจบที่นี่ เห็นไหม มันอยู่ที่นี่ แล้วอยู่ที่นี่ เวลาออกไปใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ใจดวงนี้มันแสดงออกไป ถ้ามันในขอบเขตของอริยสัจในหัวใจของเรา

พระอรหันต์ลืมในอะไร? ลืมในสมมุติบัญญัติ

พระอรหันต์ไม่ลืมในอะไร? ไม่ลืมในอริสัจไง

อริยสัจในหัวใจนี่ หัวใจกูอยู่นี้ แต่นี่มันการปกครองยื่นออกไปจากกระแสแล้ว ออกไปจากบริหารจัดการแล้วออกไปเป็นสายบังคับบัญชา แล้วสายบังคับบัญชามันขาดตอน มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าสายบังคับบัญชามันดีขึ้นมา มันก็เชื่อฟังกัน ลงใจ

ถ้าใจมันลงนะ มันจะไม่ดีดดิ้นเลย แต่ใจมันไม่ลง ใจมันไม่ลงมันก็ดีดมันก็ดิ้นมันพลิกมันแพลงอยู่นั่นนะ หาทางออกอยู่นั่น นี้จำเป็น นี้จำเป็น ก็จำเป็นของกิเลสโว้ย! มันไม่จำเป็นของธรรมหรอก ถ้าจำเป็นของกิเลสก็ของกิเลสของโลก โลกมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

แล้วสร้างไว้ทำไม วัดสร้างไว้ทำไม ก็วัดสร้างมาเพื่อต่อสู้กับกิเลส แล้วเอากิเลสมาเป็นใหญ่ได้อย่างไร เอาเครื่องมือเอาเทคโนโลยีมาเป็นใหญ่ เป็นใหญ่มันก็โลกวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ค่าความไม่แน่นอน วิทยาศาสตร์มันมี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ มรรครวมตัวไม่ได้ มันปรมัตถธรรมไม่เกิด เกิดไม่ได้ แล้ววิทยาศาสตร์จะมาสอนได้อย่างไร วิทยาศาสตร์ไร้สาระ มันเป็นเรื่องอำนวยความสะดวกของชีวิตเท่านั้นนะ มันเรื่องการใช้สอยในโลกเท่านั้นนะ การสื่อสารมวลชนมันก็เท่านั้นนะ แล้วมันมีประโยชน์อะไรขึ้นมา แก้กิเลสได้ไหม เกิดตายกันอยู่นี่ วิทยาศาสตร์ขนาดไหนมันก็ตาย คนคิดก็ตาย คนใช้ก็ตาย แล้วบอกมันลำบากๆ เอามันมาใช้ก็ใช้เพื่อตาย

แล้วธรรมมันอยู่ไหน ธรรมอยู่ไหน ธรรมมันอยู่ที่เราฝืนมันนี่ ฝืนความทุกข์ความยากนี่ ถ้ามันทุกข์มันยากฝืนมัน ฝืนมันตลอดไป ถ้าฝืนมันขึ้นมา นี่อริยสัจเกิดตรงนี้ ทุกข์ที่ไหน สมุทัยอยู่ที่ไหน มรรคอยู่ที่ไหน แล้วนี่มันหัวใจนะ เราจะต่ำต้อย เราจะมอซอขนาดไหน หลวงตาท่านพูดปล่อย เห็นไหม ธรรมะเกิดในที่ทุกข์ที่ยาก เขาจะดูถูกขนาดไหนจะเป็นสลัมขนาดไหนก็ช่างหัวมันเถอะ ห้ามเด็ดขาด! เอวัง